ซ้อมวิ่ง วัดใจ 10K กับครูดิน รุ่นที่ 4 ปี 2017
ช่วงต้นปี 2017 เมย์โพสรูปออกกำลังกายบนเฟสบุ๊คบ่อยมาก โพสเกือบทุกวัน โพสจนโดนแซว
เมย์โพสรูปออกกำลังกายบนเฟสบุ๊คเพราะอยากกระตุ้นให้ตัวเองมีวินัยในการวิ่ง ซึ่งก็ได้ผลค่อนข้างดี และเป็นช่วงเวลาดี ๆ ที่เมย์ได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว
ทำยังไงถึงได้ซ้อมวิ่งกับบ้านวัดใจครูดินรุ่น 10K รุ่นที่ 4
ปีที่แล้วสุขภาพเมย์ไม่ค่อยแข็งแรงค่ะ ลาป่วยบ่อยมาก แถมยังต้องไปหาหมอบ่อยด้วย บ่อยจนหงุดหงิด ก็เลยตั้งเป้าไว้ว่าปีนี้จะดูแลสุขภาพของตัวเองให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น
เมย์ชอบออกกำลังกายอยู่แล้ว หลัก ๆ ก็จะเต้นแอโรบิคอยู่ในห้อง Plank บ้าง Squat บ้างตามประสา แต่พอเริ่มป่วยบ่อย ก็รู้สึกว่าแค่นี้ยังไม่พอ เลยเริ่มลงไปออกกำลังกายที่สวนสาธารณะใกล้ ๆ ที่พักดู แรก ๆ ก็เริ่มจากเดิน แล้วค่อยวิ่งจ็อกเบา ๆ
ถ้าวิ่งคนเดียว เมย์วิ่งได้มากสุดประมาณ 2-3 กิโลเมตร แต่พอมีน้องแอนมาวิ่งด้วย เมย์วิ่งได้ถึง 5 กิโลเมตร เลยค่ะ
รู้สึกสนุกกับการวิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็เลยหาข้อมูลเกี่ยวกับการวิ่งเพิ่มเติม เนื่องจากส่วนใหญ่ได้ยินแต่เรื่องข้อเสีย ก็เลยหาข้อดีและวิธีวิ่งที่ Safe ตัวเอง
ค้นหาข้อมูลไปมาก็ทำให้ได้รู้จักกับ “ครูดิน” สถาวร จันทร์ผ่องศรี อดีตนักวิ่งมาราธอนทีมชาติไทย กดติดตามเพจ SathavornRunningClub ได้ไม่นาน ก็มีแจ้งเตือนเกี่ยวกับการเปิดรับสมัครซ้อมวิ่งวัดใจ 10K กับครูดิน รุ่นที่ 4 ปี 2017 อ่านกติกาดูแล้วเราเคยวิ่งได้ 5 กิโลเมตรพอดี ก็เลยสมัครเลย
ตอนรอผล ลุ้นมาก เนื่องจากคนสมัครเยอะ ทำให้ตอนที่ประกาศผลรู้สึกตื่นเต้นและดีใจมาก
วิธีซ้อมวิ่งกับครูดิน
การซ้อมวิ่งครั้งนี้เป็นการซ้อมที่ดูแลกันทางออนไลน์ (จริง ๆ ไปซ้อมกับครูดินที่สวนลุมได้นะ แต่เมย์ไม่เคยตื่นทัน) โดยครูดินจะวางแผนการซ้อมรวมถึงสอดแทรกเคล็ดลับในการวิ่งให้ แล้วจะมีแอดมินประจำกลุ่มคอยดูแลและตรวจการบ้านให้อีกที
ทุกครั้งที่เมย์เล่าให้คนใกล้ตัวฟัง หลายคนจะสงสัยว่าเค้าสอนยังไง ซ้อมยังไง ได้ผลเหรอ
เมย์ขอตอบข้อสุดท้ายก่อนว่า “ได้ผลค่ะ” ถ้าเราตั้งใจ และทุ่มเทกับการซ้อมอย่างมีวินัย เพราะเมย์ทำมาแล้ว เมย์สามารถมีพัฒนาการที่ดีขึ้นได้ โดยที่ยังไม่เคยเจอครูดินหรือแอดมินเลย
สิ่งที่เราต้องทำคือ ซ้อมตามตารางและส่งการบ้านทุกวัน ซึ่งการบ้านมีรายละเอียดให้ต้องรายงานเยอะมาก เยอะชนิดที่ว่าแอดมินแค่อ่านก็รู้ได้เลยว่าเรามีพัฒนาการอย่างไรบ้าง
วิธีวิ่งที่ถูกต้อง
แม้ว่าจะเป็นการซ้อมวิ่งเพื่อระยะทาง 10K เหมือนกัน แต่ก็จะแบ่งสมาชิกออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ นักวิ่งเท้าใหม่อยากวิ่งให้ได้ถึง 10K นักวิ่งที่วิ่งได้อยู่แล้วแต่อยากพัฒนาการวิ่งให้ดีขึ้น (มากกว่า 1 ชั่วโมง) และนักวิ่งที่อยากพัฒนาให้เวลาต่ำกว่า 1 ชั่วโมง
อยู่คนละกลุ่ม ตารางซ้อมวิ่งที่ได้ก็แตกต่างกันค่ะ แต่สิ่งที่ต้องทำก่อนและหลังซ้อม เหมือนกันดังนี้
1. อบอุ่นร่างกายด้วยการวิ่งเบา ๆ 1-2 กิโลเมตร หรือประมาณ 15 นาที
2. การบริหารและยืดเหยียดตั้งแต่หัวจรดเท้า อีกประมาณ 15 นาที (https://youtu.be/SO1yEg0YFqY)
3. ดริล x 3 และสไตร์ด x 5 เพื่อเพิ่มศักยภาพการวิ่ง (https://youtu.be/h_6HSSIbRmo)
4. วิ่งตามตารางซ้อมที่ครูดินวางไว้ให้
5. คลูดาว์นด้วยการวิ่งเบา ๆ อีก 1-2 กิโลเมตร
6. ยืดเหยียดและกายบริหาร เริ่มจากเท้าย้อนกลับไปหัว
การซ้อม 1 ครั้ง ใช้เวลาประมาณ 1.30 – 2 ชั่วโมง
จากที่เคยวิ่งได้แค่ 2-3 กิโลเมตร เมย์สามารถวิ่งได้มากสุดถึง 8 กิโลเมตร ภายในเวลาไม่กี่เดือน โดยที่เมย์ไม่เคยมีอาการบาดเจ็บหรือปวดกล้ามเนื้อจนทรมานเลย
ในแผนการซ้อมของบ้านวัดใจใช้ระยะเวลาประมาณ 100+ วัน ซึ่งเมย์ทำภารกิจไม่สำเร็จนะคะ ทำได้แค่ 81 วัน (25 กุมภาพันธ์ – 16 พฤษภาคม 2560) เพราะเป็นช่วงรันโปรเจ็คหลายโปรเจ็คติดกัน ถึงอย่างนั้นเมย์ก็ตกหลุมรักการวิ่งระยะไกลบนเส้นทางกลางสวนสาธารณะไปซะแล้ว
17 สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการวิ่งปี 2017
หลังจากที่เริ่มวิ่งไปซักพัก เหมือนรายการจะมีระบบ Auto Running ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ทำให้ทุกครั้งที่วิ่งเป็นโอกาสที่ดีที่เมย์จะได้คิดเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว และเรื่องอื่น ๆ
1. ทุกครั้งที่ซ้อมวิ่งเสร็จจะรู้สึกดีกับตัวเองมาก ๆ เพราะเอาชนะใจตัวเองได้
2. การวิ่งไม่ได้ใช้แค่กำลัง ต้องใช้สติด้วย
3. แม้ว่าจะไปเที่ยวช่วงซ้อม ก็ต้องซ้อม
4. การวิ่ง เป็นการฝึกสมาธิ และความอดทนที่ดีมาก ๆ
5. เมื่อได้รับคำชม เช่น “ท่าสวย” “เป็นนักวิ่งหรือเปล่า” “วิ่งเก่งจัง” “ตัวปลิวเลย” “หุ่นและสรีระได้” หรือ “วิ่งอีกนิดก็ไปล่าถ้วยรางวัลได้แล้ว” เราจะวิ่งได้ดีขึ้น เพราะตัวลอย
6. พอวิ่งเร็ว ๆ จะเห็นจังหวะเท้าและการวางเท้าที่ควรจะเป็น หมุนเหมือนล้อเกวียนเลย หมุนไปข้างหน้าเรื่อย ๆ
7. นักวิ่งใจดี แม้จะไม่เคยคุยกัน แต่ก็สามารถทักทาย ชวนคุย และแนะนำอย่างเป็นกันเองได้
8. หลังจากได้วิ่งเหนื่อยหอบต่อเนื่องแล้ว การวิ่งเหนื่อยหอบช้า ๆ ก็เร็วขึ้นโดยอัตโนมัติ
9. เมื่อวางเท้าถูก จังหวะได้ คุ้นชินไม่มีเกร็ง ก็จะไม่มีอาการเจ็บหน้าขา
10. ระหว่างวิ่งต้องจิบน้ำบ่อย ๆ
11. อย่าคิดอะไรเยอะ ตื่นปุ๊บ เปลี่ยนชุด ออกวิ่งเลย
12. สังเกตว่าวันไหนวิ่งเยอะ ๆ กายบริหารหลังวิ่งจะช้ามาก และถ้าทำไม่ครบ วันนั้นจะปวดตัว
13. ระหว่างซ้อมวิ่ง วิ่งคู่คนอื่นไม่ค่อยได้ เพราะวอร์มอัพไม่เหมือนกัน ภารกิจก็ไม่เหมือนกัน
14. ทำให้ดีที่สุด เท่าที่ทำได้ ขณะที่ยังได้ทำ
15. เมื่อขาหมุนได้จังหวะ เราก็สามารถวิ่งไปได้เรื่อย ๆ
16. ซ้อมได้แค่ไหน วิ่งจริงก็จะได้ประมาณนั้น
17. รีบจัดตารางให้ตัวเอง แล้วรอบ้านวัดใจครั้งต่อไป!